ในช่วงเวลาที่บรรดายวดยานทั้งหลายมากมายเป็นดอกเห็ด มีวิ่งขวักไขว่บนท้องถนน การเกิดอุบัติเหตุก็มีมากมายตามมาติดๆ และหนึ่งในสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ก็เนื่องมาจาการมึนเมาในขณะขับรถนั่นเอง และสิ่งหนึ่งที่จะช่วยสกัด หรือผ่อนหนักเป็นเบาก็คือการที่มีการสกัดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ดังนั้นการขับขี่ยานพาหนะก็มักจะต้องอยู่คู่กับ เครื่องเป่าแอลกอฮอล์ตลอดไป
ในการขับขี่ยวดยานพาหนะนั้นนับเป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อนมาก เพราะนอกจากผู้ขับจะต้องสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วและเด็ดขาดแล้วต้องมีสติ สมาธิในการขับขี่ที่สูง แต่เมื่อมีการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ความสามารถในการขับขี่และตัดสินใจลดลงเนื่องจากแอลกอฮอล์จัดอยู่ในประเภทเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์กดประสาททำให้ร่างกายและจิตใจทำงานช้าลง ดังนั้นเมื่อมีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ด้วยเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ หากได้พบว่ามีระดับแอลกอฮอล์ที่มากเกินกำหนด สิ่งแรกคือคุณต้องถูกให้หยุดไม่สามารถขับขี่รถต่อไปได้จนกว่าจะมีสติกลับมาดังเดิม และยังมีอีกมากมายหลายขั้นตอนที่จะตามมา
จากเหตุการณ์ต่างๆที่เราเคยได้อ่านข่าว หรือดูจากสื่อต่างๆ จะเห็นได้ว่าหลายๆครั้งที่เราพบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างผู้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ กับผู้ขับขี่ในลักษณะที่ไม่ยอมเป่าเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ หรืออ้างว่าไม่เป่าเพราะกลัวเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ไม่มาตรฐาน ผลการตรวจไม่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่แล้วบุคคลเหล่านั้นมักจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเขาดื่มแอลกอฮอล์มา แต่คิดว่าไม่เมา แล้วไม่ยอมวัดเพราะกลัวว่าเครื่องเป่าแอลกอฮอล์จะชี้ว่าตนเองนั้นมีระดับแอลกอฮอล์เกินกว่ากำหนดนั่นเอง
ดังนั้นเครื่องเป่าแอลกอฮอล์นั้นจริงๆแล้วต่างก็มีมาตรฐานในระดับความสามารถในการวัดของเครื่องแต่ละแบอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าการตรวจวัดนั้นเป็นวิธีการที่ต่างกัน และมีการแสดงผลไปคนละแบบเท่านั้นเอง